คลินิกปลูกผม THTC

ปลูกผมแบบมีคุณภาพ

โดยแพทย์ American Board

ปุ่ม ภาษาอังกฤษ

ปลูกผมวิธีไหนดี ? 

FUE FUT หรือ ROBOT

ปลูกผม FUE FUT

ความสำเร็จในการปลูกผม นอกจากจะขึ้นกับแพทย์และทีมงานแล้ว วิธีที่ใช้ในการปลูกผม ก็มีความสำคัญไม่น้อยต่อเปอร์เซ็นต์การขึ้นของเส้นผม ความสวยงาม ความเป็นธรรมชาติ ความปลอดภัยและผลการรักษาในระยะยาว 

ฉะนั้นคุณจึงควรศึกษาหาข้อมูลให้เพียงพอก่อนการตัดสินใจว่าจะเลือกปลูกผมด้วยวิธีไหนดี อย่าหลงเชื่อคำโฆษณาผิดๆ ที่มีอยู่มากมาย ตามอินเตอร์เนต

นวัตกรรมการปลูกผมในปัจจุบันมี 3 วิธี ได้แก่

1.FUE

2.FUT

3.ROBOT หรือ หุ่นยนต์ปลูกผม

แต่ที่นิยมกันจะมีแค่ 2 วิธี คือ FUE กับ FUT ส่วนวิธี ROBOT หรือหุ่นยนต์ หรือ แขนกลปลูกผม ไม่ค่อยเป็นที่นิยมกันเพราะมีราคาสูง และผลการรักษาก็ไม่ได้ดีไปกว่า 2 วิธีดังกล่าวข้างต้น 

ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกถึง ความแตกต่างของวิธี FUE กับ FUT รวมทั้งข้อดี ข้อเสีย เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจรักษา

หัวข้อ

ปลูกผม FUE 

คืออะไร ทำอย่างไร ?

เครื่องปลูกผม FUE

เครื่องปลูกผม FUE
หัวเจาะ FUE

ลักษณะแผลปลูกผม FUE

แผลปลูกผม FUE

FUE ย่อมาจาก Follicular Unit Excision (เดิมชื่อ Follicular Unit Extraction)

ปลูกผม FUE คืออะไร ทำอย่างไร ?

การปลูกผมแบบ FUE คือการปลูกผมวิธีหนึ่ง ที่ทำโดยใช้เครื่องเจาะเอากราฟผม (เซลล์รากผม) ออกมาทีละจุด เพื่อนำไปปลูกยังบริเวณที่ต้องการ

เครื่องเจาะทำงานคล้ายๆสว่านประกอบด้วย ตัวเครื่อง ด้ามเจาะ และหัวเจาะ ซึ่งมีลักษณะเป็นรูกลวง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.8-1.0 มม. (ดังรูป) 

วิธีทำ โดยแพทย์จะใช้เครื่องมือเจาะไปเอากราฟผม ทีละรู  (1 รู = 1 กราฟผม) แล้วใช้ปากคีบ ดึงและถอนกราฟผม ออกจากหนังศีรษะ เพื่อนำไปปลูก

ปลูกผม FUT 

คืออะไร ทำอย่างไร ?

แผลปลูกผม FUT

FUT ย่อมาจาก Follicular  Unit Transplantation

ปลูกผม FUT คืออะไร ทำอย่างไร ?

การปลูกผม FUT หรือ STRIP คือการปลูกผมอีกวิธีหนึ่ง 

วิธีทำ โดยแพทย์จะตัดหนังศีรษะด้านหลังออกมาแถบหนึ่ง แล้วเย็บเข้าหากัน 

จากนั้นก็นำแถบผมที่ได้ มาแยกเป็นกราฟผม โดยใช้กล้องจุลทรรศน์ แล้วนำกราฟผมที่ได้ไปปลูกยังบริเวณศีรษะล้าน (ไม่ใช่เอาแถบผมไปแปะตรงศีรษะล้านอย่างที่หลายคนเข้าใจ)

ความเหมือนและแตกต่าง

ระหว่าง FUE กับ FUT

ความเหมือนของ FUE กับ FUT 

คือ ขั้นตอนในการปลูกผมหรือการฝังกราฟผมลงบนหนังศีรษะ ใช้วิธีการปลูกและเครื่องมือแบบเดียวกัน

ความแตกต่างของ FUE กับ FUT 

คือ ขั้นตอนการไปเอากราฟผม จากด้านหลังศีรษะมาปลูก ใช้เครื่องมือ และวิธีการที่แตกต่างกัน

FUE ใช้การเจาะเอาเส้นผมออกมา ทีละรูๆ ได้เป็นกราฟผมพร้อมปลูกทันที

FUT ใช้การตัดหนังศีรษะออกมาเป็นแถบผม แล้วนำแถบผมที่ได้มาแยกด้วยกล้องจุลทรรศน์ออกมาเป็นกราฟผม ก่อนจะนำไปปลูก

ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้แต่ละวิธีมีข้อดี ข้อเสียที่แตกต่างกัน ดังนี้คือ

ข้อดี ข้อเสีย ของ FUE

ข้อดีของ FUE 

FUE มีข้อดี ที่สำคัญ 4 ข้อ คือ

✅ 1.แผลเป็นมีลักษณะเป็นจุดๆ กระจัดกระจายทั่วไป มองเห็นไม่ค่อยชัดเจน จึงเหมาะกับคนไข้ที่ต้องการไว้ผมสั้น เช่น ตำรวจ ทหาร ฯลฯ 

✅ 2.แผลผ่าตัดหายเร็วกว่า วิธี FUT

✅ 3.ใช้กับคนไข้ที่หนังศีรษะด้านหลังตึงมาก จนไม่เหมาะกับการปลูกผมด้วยวิธี FUT

✅ 4.สามารถเอาขนจากส่วนอื่นของร่างกาย เช่น หนวด เครา ขนหน้าอก มาปลูกแทนเส้นผมได้ ถ้าหากเส้นผมถาวรที่มีอยู่ มีจำนวนไม่เพียงพอในการปลูก

ข้อเสียของ FUE

FUE มีข้อเสีย ที่สำคัญมี 4 ข้อ คือ

❌ 1.เส้นผมถาวรด้านหลังจะบางลงอย่างรวดเร็ว (DONOR DEPLETION)

❌ 2.เส้นผมที่ปลูกอาจอยู่ไม่ถาวร (NON-PERMANENT RESULT)

❌ 3.แผลเป็นจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนกราฟผมที่ปลูก (MORE GRAFTS MORE SCARS)

❌ 4.มีการสูญเสียเซลล์รากผมมากกว่าวิธี FUT (MORE TRANSECTION RATE)

ข้อเสียต่างๆเหล่านี้ มักไม่ค่อยมีใครได้กล่าวถึง จึงขออธิบายลงลึกถึงรายละเอียด เพื่อให้เกิดความเข้าใจ และไม่ตกเป็นเหยื่อของการโฆษณา

ข้อเสีย ของ FUE

1.เส้นผมถาวรด้านหลังบางลงอย่างรวดเร็ว

เปรียบเทียบความหนาแน่นของเส้นผมถาวร

คนฝรั่ง vs คนไทย

ความหนาแน่นของเส้นผมของ คนไทย กับ ฝรั่ง

จากรูป วงสีขาวคือเส้นผมถาวรด้านหลังที่จะนำมาปลูก เมื่อดูด้วยตาเปล่า เสมือนว่าเส้นผมคนไทยมีความหนาแน่นมากกว่าคนฝรั่ง แต่เมื่อดูผ่านกล้องขยาย จะเห็นว่าคนฝรั่งมีเส้นผมหนาแน่นกว่าคนไทยมาก

เส้นผมด้านหลังบางลงหลังการปลูกผม FUE

การปลูกผมแบบ FUE แพทย์จะเจาะเอาเส้นผมไปปลูกทีละรู (1 รู = 1 กราฟผม) เส้นผมตรงนั้นก็จะหายไป และเกิดแผลเป็นมาแทนที่ตรงรูนั้น ทำให้เส้นผมเดิมอยู่ห่างกันมากขึ้น เส้นผมด้านหลังจึงบางลง

ยิ่งถ้าเจาะรูถี่มากเท่าไหร่ เส้นผมด้านหลังก็จะยิ่งลงมากขึ้นเท่านั้น (ดูรูปประกอบ)

คนไทยจำนวนไม่น้อย ที่มีเส้นผมถาวรด้านหลังของศีรษะไม่มาก และไม่หนาแน่นเหมือนฝรั่ง ทำให้หลังการปลูกผม FUE แต่ละครั้ง เส้นผมด้านหลังจะบางลงอย่างรวดเร็ว 

⚠️ การปลูกผมแบบ FUE จึงไม่เหมาะกับคนไทยทุกคน โดยเฉพาะคนที่มีเส้นผมเส้นเล็กและไม่หนาแน่น (ผมบาง) เพราะหากในอนาคตศีรษะล้านเพิ่ม จะมีเส้นผมถาวรเหลือไม่เพียงพอให้ปลูกได้อีก 

เส้นผมถาวรของแต่ละคนมีจำนวนจำกัด และจะมีจำนวนลดลงหลังการปลูกผมทุกครั้ง ถ้าใช้หมดแล้วก็หมดเลย ไม่สามารถงอกใหม่ได้ จึงต้องใช้อย่างเหมาะสม ระมัดระวัง และควรเหลือเผื่อเอาไว้ใช้ในอนาคต หากจำเป็นต้องปลูกเพิ่มเติม

ตัวอย่างคนไข้รายหนึ่ง หลังการปลูกผม FUE 

(จากคลินิกแห่งหนึ่ง)

เส้นผมที่ปลูกกับเส้นผมที่เหลืออยู่
เส้นผมถาวรบางลงหลังปลูกผมแบบ FUE
หัวล้านด้านบนและด้านหลังของศีรษะ

วงสีแดง คือ บริเวณที่ผมยังบาง และต้องปลูกผมเพิ่มเติม 

ถ้าจะปลูกให้เต็มวงสีแดง ก็จะต้องใช้กราฟผมอีกอย่างน้อย 3000-4000 กราฟ ซึ่งคงเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน 

เพราะเส้นผมถาวรบริเวณด้านหลังของศีรษะเหลือไม่เพียงพอให้ปลูกได้ หรืออาจปลูกได้แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

2.เส้นผมที่ปลูกอาจอยู่ไม่ถาวร 

รูปแสดงบริเวณที่อยู่ของเส้นผมถาวร

เส้นผมถาวร

ถ้าคุณสังเกตให้ดีก็จะเห็นว่า คนที่มีศีรษะล้านจากกรรมพันธุ์ ไม่ว่าศีรษะจะล้านมากแค่ไหนก็ตาม ด้านหลังของศีรษะก็ยังคงมีเส้นผมเหลืออยู่ไม่มากก็น้อย (ดังรูป)

เส้นผมตรงนี้มักจะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต แพทย์ปลูกผมเรียกชื่อบริเวณนี้ว่า "บริเวณที่มีเส้นผมถาวร " หรือ SDA (SAFE DONOR AREA)  

ส่วนเส้นผมที่อยู่เหนือหรือใต้ต่อบริเวณ SDA เป็นเส้นผมที่ไม่ถาวร 

เส้นผมไม่ถาวร

จากรูป จะเห็นว่า เส้นผมที่นำไปปลูกด้วยวิธี FUE จึงมีทั้งเส้นผมถาวรและไม่ถาวรผสมกัน

ทำไม FUE ต้องเอาเส้นผมไม่ถาวรไปปลูกด้วยล่ะ ?

เนื่องจากการปลูกผมแบบ FUE  แพทย์สามารถนำเส้นผมถาวรบริเวณ SDA ไปปลูกได้เพียง 30-35% เท่านั้น เพราะต้องเหลือเส้นผมตรงบริเวณนั้นไว้จำนวนหนึ่ง เพื่อปิดบังรอยแผลเป็นที่เกิดขึ้นจากการปลูกผม 

ถ้าแพทย์ปลูกผมเจาะเอาเส้นผมจากบริเวณ SDA ถี่เกินไป  (OVER HARVEST) เส้นผมตรงนั้นก็จะเหลือน้อยจนไม่สามารถจะปิดบังรอยแผลเป็นที่เกิดขึ้นจากการปลูกผมได้ ดังเช่นตัวอย่างคนไข้ที่ได้แสดงไว้ก่อนหน้านี้

หากต้องใช้กราฟผมเป็นจำนวนมาก แพทย์จึงจำเป็นต้องใช้เส้นผมนอกบริเวณ SDA ซึ่งเป็นเส้นผมที่ไม่ถาวรมาปลูกร่วมด้วย เส้นผมที่ปลูกจึงอาจอยู่ไม่ถาวร และจะร่วงไปในอนาคต 

3.แผลเป็นเพิ่มขึ้นตามจำนวนกราฟผม

แผลปลูกผม FUE เพิ่มขึ้นตามจำนวนกราฟผม

ภาพจำลองแสดงแผลเป็นจากการปลูกผมแบบ FUE 

4. สูญเสียเซลล์รากผมมากกว่าวิธี FUT

ภาพแสดงการเจาะรูผมด้วยวิธี FUE

สูญเสียกราฟผม จากการปลูกผม FOLLICULAR UNIT EXCISION

ข้อเสียอื่นๆของ FUE

นอกจากข้อเสียสำคัญ 4 ข้อดังกล่าวข้างต้น FUE ยังมีข้อเสียอื่นๆ ดังนี้

ต้องโกนผมเพื่อการปลูกผม  

ปลูกผม ต้องโกนผม

แม้ว่าจะมีเทคนิคใหม่ซึ่งสามารถทำได้โดยไม่ต้องโกนผม เรียกว่า LONG HAIR FUE แต่จะมีข้อจำกัดกว่าวิธีโกนผม คือ

ผลการรักษาจะด้อยลง ถ้าต้องปลูกผมซ้ำ

กราฟผม 2-3 เส้น ลดลงหลัง FOLLICULAR UNIT EXTRACTION

รูปแสดง เส้นผมด้านหลังที่จะนำไปปลูก

กราฟผมมีโอกาสที่จะตายเพิ่มขึ้น เพราะใช้เวลาปลูกนาน

VDO ปลูกผม FUE

ข้อดี ข้อเสีย ของ FUT

ข้อดีของ FUT

FUT มีข้อดี ที่สำคัญ 5 ข้อ คือ

✅ 1.เส้นผมที่ปลูกอยู่ถาวรตอดชีวิต

✅ 2.สูญเสียเซลล์รากผมน้อย

✅ 3.เส้นผมด้านหลังไม่บางลง

✅ 4.แผลเป็นมีแค่แผลเดียวแม้จะปลูกผมหลายครั้ง

✅ 5.ไม่ต้องโกนผม

ข้อเสียของ FUT

FUT มีข้อเสีย ที่สำคัญมี 3 ข้อ คือ

❌ 1.แผลผ่าตัดอาจสังเกตเห็นได้ ถ้าไว้ผมสั้น

❌ 2.แผลหายช้ากว่าวิธี FUE

❌ 3.ไม่เหมาะกับคนที่มีหนังศีรษะตึงมาก 

ข้อดีของ FUT

1.เส้นผมที่ปลูกจะอยู่ถาวรตลอดชีวิต

FUT เส้นผมอยู่ถาวร

2.สูญเสียเซลล์รากผมน้อย

สูญเสียกราฟผมน้อยจากวิธี FUT

3.เส้นผมถาวรมักจะไม่บางลง

เนื่องจาก FUT ใช้วิธีการตัดหนังศีรษะออกมาเป็นแถบ แล้วเย็บเข้าหากัน จึงไม่ส่งผลกระทบต่อความหนาแน่นของเส้นผมบริเวณรอบๆแถบที่ตัด เส้นผมด้านหลังจึงไม่ค่อยบางลงเหมือนการปลูกผมแบบ FUE 

เส้นผมด้านหลังไม่บางลงจากการปลูกผม FUT

คนไข้รายนี้ ปลูกผมไป 2 ครั้ง ด้วยวิธี FUT จำนวนกราฟรวม 5394 กราฟ จะเห็นว่าเส้นผมถาวรด้านหลังยังคงดูเหมือนเดิม ไม่บางลง (วงสีขาว ด้านหลัง)

4.แผลเป็นจะมีแค่แผลเดียว แม้จะปลูกผมหลายครั้ง

แผลเป็นมีแผลเดียว จากการปลูกผม FUT

แม้จะปลูกผมหลายครั้ง แต่แผลเป็นจากการปลูกผมก็จะมีแค่แผลเดียว 

เพราะแพทย์นิยมเอาแผลเป็นเดิมออกมาพร้อมกับแถบผมในการปลูกผมทุกครั้ง 

ทำให้คนไข้จะมีแผลเป็นเพียงแผลเดียว ไม่ว่าจะปลูกผมกี่ครั้งก็ตาม

5.ไม่ต้องโกนผม

FUT ไม่ต้องโกผม

ข้อดีของการปลูกผม FUT คือคนไข้ไม่ต้องโกนผม จึงมองไม่เห็นแผลหลังการปลูกผม

ข้อเสียปลูกผม FUT 

แผลปลูกผม FUT ด้านหลังศีรษะ

ข้อเสียของการปลูกผม FUT ได้แก่

❌ 1.แผลผ่าตัดมีลักษณะเป็นเส้น หากคนไข้ไว้ผมสั้นมาก ก็อาจสังเกตเห็นได้ 

❌ 2.แผลหายช้ากว่าวิธี FUE

❌ 3.ไม่เหมาะกับคนไข้ที่มีหนังศีรษะด้านหลังตึงมาก 

ปลูกผม ROBOT หรือ หุ่นยนต์ปลูกผม

การปลูกผม ROBOT มีชื่อเต็มว่า THE ARTAS® ROBOTIC PROCEDURE

การปลูกผมด้วยหุ่นยนต์ หรือ ROBOT HAIR TRANSPLANT 

สรุป

การปลูกผมทั้ง 3 วิธี ต่างมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน แพทย์จะแนะนำและเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมกับคนไข้เป็นรายๆไป โดยคำนึงถึงผลการรักษา ความปลอดภัยและประโยชน์ของคนไข้ในระยะยาว

VDO ปลูกผม FUT

เรื่องน่ารู้