คลินิกปลูกผม THTC
ปลูกผมแบบมีคุณภาพ
โดยแพทย์ American Board
✅ ปรึกษา ONLINE
โดยแพทย์ American Board
ในปัจจุบันมียารักษาผมร่วงผู้ชายโฆษณากันอย่างแพร่หลายตามสื่อต่างๆ
รวมทั้งวางขายกันในร้านขายยาเกือบทุกแห่ง แม้แต่ในร้านเซเว่นหรือวัตสันก็ยังมียารักษาผมร่วงผู้ชายจำหน่ายด้วยเช่นกัน
ยารักษาผมร่วงนอกจากจะช่วยลดผมร่วงแล้ว ยังทำให้เส้นผมที่เส้นเล็กๆ มีขนาดโตขึ้นได้อีกด้วย เส้นผมจึงดูหนาขึ้น คล้ายกับว่ามีเส้นผมงอกขึ้นมาใหม่ บางคนจึงเรียกยารักษาผมร่วงว่า "ยาปลูกผม"
แต่แท้ที่จริงแล้ว "ยารักษาผมร่วง ยาแก้ผมร่วง หรือยาปลูกผม" ก็คือยาตัวเดียวกัน เพียงแต่เรียกชื่อต่างกันไป
ผู้ชายที่มีผมร่วง ผมบาง บางคนก็อาจเคยซื้อยาดังกล่าวมาลองใช้ดู แต่เมื่อใช้แล้วก็ไม่ได้ผลอย่างที่โฆษณา
เพราะผมร่วงเกิดได้จากหลายสาเหตุ ถ้ารักษาไม่ตรงกับสาเหตุที่เป็น ก็จะไม่ได้ผล
สาเหตุของผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน ในผู้ชาย อาจแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
1.ผมร่วงจากกรรมพันธุ์ เป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ชายผมร่วง และหัวล้านที่พบได้บ่อยที่สุด พบได้มากกว่า 90%
ยารักษาผมร่วงผู้ชายส่วนใหญ่ จึงมุ่งเน้นไปในการรักษาผมร่วงที่มีสาเหตุจากกรรมพันธุ์เป็นหลัก
2.ผมร่วงจากสาเหตุอื่นๆ พบได้น้อยกว่า 10% เกิดจากหลายโรค หลายสาเหตุ เช่น โรคผมร่วงเป็นหย่อม ผมร่วงจากการอักเสบของหนังศีรษะ โรคสะเก็ดเงิน ผมร่วงจากรังแค เป็นต้น
ยาที่ใช้รักษาผมร่วงในกลุ่มนี้มีมากมายหลายชนิด ขึ้นกับสาเหตุของโรคนั้นๆ
เนื่องจากเส้นผมของคนเราจะไม่สามารถมีจำนวนเพิ่มขึ้นได้อีกหลังจากที่เราเกิดมาแล้ว จำนวนของเส้นผมมีแต่จะลดลงไปเรื่อยๆตามอายุของเราที่เพิ่มขึ้น
เพราะเซลล์รากผมจะค่อยๆเสื่อมและตายไป การเพิ่มจำนวนเส้นผมด้วยยาปลูกผมจึงเป็นไปไม่ได้ในทางการแพทย์
เป้าหมายของการรักษาผมร่วง ผมบาง จึงเป็นเพียงการหยุดหรือชะลอไม่ให้คนไข้มีผมร่วงมากขึ้นเท่านั้น
ยาแก้ผมร่วงผู้ชายที่โฆษณากันตามสื่อต่างๆมีมากมายหลายยี่ห้อ หลายรูปแบบ เช่น
แชมพูลดผมร่วง
วิตามินแก้ผมร่วง
เซรั่มแก้ผมร่วง/ปลูกผม
ผู้ชายส่วนมากที่ซื้อยาแก้ผมร่วงมาใช้ ก็มักจะดูจากโฆษณาที่ใช้ดารานักแสดงมาเป็นพรีเซ็นเตอร์รีวิวสินค้า ว่าใช้แล้วได้ผลดี
บางคนก็หาข้อมูลจาก PANTIP ซึ่งมักจะมีคนมารีวิวผลิตภัณฑ์ที่แก้หรือลดผมร่วงต่างๆ กันอย่างมากมาย จนไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อยี่ห้อไหนดี
"การรักษาผมร่วงที่ได้ผล ต้องแก้ที่ต้นเหตุ ไม่มียาแก้ผมร่วงยี่ห้อไหนที่สามารถรักษาอาการผมร่วงได้แบบครอบจักรวาล"
ฉะนั้นเมื่อคุณมีผมร่วง จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อการรักษาที่ถูกต้อง ดีกว่าการลองผิด ลองถูก เพราะนอกจากจะเสียเงิน เสียเวลาแล้ว ยังอาจเสียโอกาสที่จะได้เส้นผมของคุณกลับคืนมา
ยารักษาผมร่วงผู้ชาย ที่ใช้ในการรักษาผมร่วงจากกรรมพันธุ์ ได้แก่
1.FINASTERIDE
2.DUTASTERIDE
3.MINOXIDIL
4.SAWPALMETO
5.KETOCONAZOLE SHAMPOO
ยา FINASTERIDE เป็นยารักษาผมร่วงผู้ชาย มี 2 ขนาด คือ
FINASTERIDE (1 mg.)
FINASTERIDE (5 mg.)
ผ่านการรับรองจาก FDA หรือ อ.ย.ของอเมริกา รวมทั้ง อ.ย.ของไทย ให้เป็นยาที่ใช้รักษา/ยาแก้ผมร่วงกรรมพันธุ์สำหรับผู้ชาย
ผู้หญิงห้ามใช้ เพราะอาจเกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์ได้
PROPECIA
STERZAR
FIRIDE
HARIFIN
GPO FINAX-1 ขององค์การเภสัช
FINASTERIDE (1 mg.) ใช้กินครั้งละ 1 เม็ด วันละครั้ง ก่อนนอน ใช้กับผู้ชายผมร่วง ศีรษะล้านที่มีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์เท่านั้น
โดยการลดฮอร์โมน DHT ที่ทำให้เกิดผมร่วงจากกรรมพันธุ์ เส้นผมจึงร่วงน้อยลง
เป็นยาที่ใช้รักษาต่อมลูกหมากโต ไม่ได้ใช้เป็นยารักษาผมร่วง แต่เนื่องจากเป็นตัวยาเดียวกันกับยา FINASTERIDE (1 mg.) ที่ใช้รักษาผมร่วงกรรมพันธุ์
บางคนจึงซื้อยา FINASTERIDE (5 mg.) แล้วนำยามาแบ่งเป็น 4 ส่วน โดยที่แต่ละส่วนจะมีตัวยาประมาณ 1.25 mg. มากินแทน เนื่องจากราคาถูกกว่า เพราะ FINASTERIDE (5 mg.) 1 เม็ด ใช้กินได้ถึง 4 ครั้ง
แต่จากประสบการณ์ของแพทย์ปลูกผมหลายๆท่านพบว่า ยา FINASTERIDE (5 mg.) ที่นำมาแบ่งเป็น 4 ส่วน ได้ผลดีไม่เท่ายา FINASTERIDE (1 mg.)
โดยสันนิษฐานว่า เมื่อนำยามาแบ่ง แต่ละส่วนของยาจะมีขนาดไม่เท่ากัน ตัวยาจึงมีไม่เท่ากัน และยาอาจเกิดการเสื่อมสภาพได้ เนื่องจากตัวยาด้านในสัมผัสกับอากาศ
จึงไม่แนะนำให้ใช้วิธีนี้ แม้จะประหยัด แต่ผลการรักษาก็ด้อยลงด้วยเช่นกัน
✅ 1. ทำให้ผมหยุดร่วง และ/หรือ ผมขึ้นใหม่ได้อยู่ระหว่าง 66 -88% ผลการรักษาขึ้นอยู่กับการตอบสนองของแต่ละคน แต่ส่วนใหญ่ได้ผลดี ต้องรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องอย่างน้อย 6-12 เดือน จึงจะเห็นผล
✅ 2. ผลข้างเคียงพบได้น้อย มักเป็นแค่ชั่วคราวและหายไปได้เองเมื่อหยุดยา
❌ 1. ความต้องการทางเพศ และการแข็งตัวของอวัยวะเพศลดน้อยลง พบได้น้อยกว่า 2 %
แต่จากรายงานการศึกษาทางการแพทย์ในปี ค.ศ. 2019 กลับไม่พบความแตกต่างของผลข้างเคียงระหว่างผู้ที่กินยากับไม่ได้กินยาตัวนี้ อ่านเพิ่มเติม
❌ 2. ปริมาณน้ำอสุจิลดน้อยลง ในบางรายอาจพบว่ามีจำนวนตัวอสุจิลดลงด้วย ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการมีบุตรยาก (INFERTILITY)
จึงไม่แนะนำให้ใช้กับผู้ชายที่มีบุตรยากอันมีสาเหตุมาจากมีตัวอสุจิน้อยกว่าผู้ชายทั่วไป (OLIGOSPERMIA)
❌ 3. เจ็บบริเวณเต้านม หรือเต้านมอาจโตขึ้นได้ (SWELLING OR TENDERNESS BREASTS)
❌ 4. อาการซึมเศร้า (DEPRESSION)
อาการข้างเคียงต่างๆเหล่านี้จะกลับคืนเป็นปกติเมื่อหยุดใช้ยา หรืออาจหายไปได้เอง แม้ว่าจะยังกินยาอยู่ก็ตาม
-ยากิน FINASTERIDE ห้ามใช้ในผู้หญิง เพราะนอกจากจะใช้ไม่ได้ผลแล้ว ยังอาจเกิดความผิดปกติของอวัยวะเพศของบุตรในครรภ์ได้ (หากรับประทานยาในขณะตั้งครรภ์)
-ยากิน FINASTERIDE ห้ามใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เนื่องจากอาจเกิดผลกระทบต่อการลดลงของฮอร์โมนเพศชาย ซึ่งจำเป็นต่อเด็กที่ยังเติบโตไม่เต็มวัย
DUTASTERIDE เป็นยาที่ใช้รักษาต่อมลูกหมากโต เช่นเดียวกันกับยา FINASTERIDE (5 mg.) และไม่ได้ผ่านการรับรองจาก อ.ย.ของอเมริกาให้ใช้เป็นยารักษา/ยาแก้ผมร่วงกรรมพันธุ์สำหรับผู้ชาย
แต่แพทย์หลายคนก็มักนำยาตัวนี้มาใช้รักษาผมร่วงกรรมพันธุ์ผู้ชายที่ใช้ยา FINASTERIDE (1 mg.) แล้วได้ผลไม่ดี
DUTASTERIDE ออกฤทธิ์โดยการลดฮอร์โมน DHT ที่เป็นสาเหตุของผมร่วงจากกรรมพันธุ์ เช่นเดียวกันกับยา FINASTERIDE แต่มีฤทธิ์แรงกว่า
พบว่า ยาทั้ง 2 ตัว ให้ผลการรักษาที่ดีใกล้เคียงกัน คือช่วยทำให้เส้นผมร่วงน้อยลง และมีเส้นผมหนาขึ้น
ในบางรายงานพบว่า DUTASTERIDE (0.5 mg.) มีประสิทธิ์ในการรักษาดีกว่า FINASTERIDE (1mg.)
DUTASTERIDE มีผลข้างเคียงคล้ายกับยา FINASTERIDE เช่น ลดความต้องการและการแข็งตัวของอวัยวะเพศ ลดปริมาณน้ำอสุจิ เต้านมโต ฯลฯ
เนื่องจากยาอยู่ในกระแสเลือดนาน หากรับประทานแล้วเกิดผลข้างเคียงจากยา จะต้องใช้เวลานานกว่าที่ผลข้างเคียงจะหมดไป โดยเฉลี่ยประมาณ 5-6 สัปดาห์
กินวันละ 1 CAPSULE (0.5 mg.) ก่อนนอน
ต้องกินยา DUTASTERIDE ต่อเนื่อง อย่างน้อย 6-12 เดือน กว่าจะเห็นผลจากการรักษา
1.MINOXIDIL TABLET (5 mg.) เป็นยากินแบบเม็ด
2.MINOXIDIL LOTION เป็นยาทาแบบน้ำ
หรือ LOW DOSE MINOXIDIL เป็นยากินสำหรับผมร่วงผู้ชาย ลักษณะเป็นเม็ด ขนาด 2.5-10 mg. มีหลายยี่ห้อ เช่น NOXIDIL, LONITEN, MIDIL
ยากิน MINOXIDIL เป็นยารักษาโรคความดันโลหิตสูง แต่เนื่องจากยากิน MINOXIDIL มีผลข้างเคียงทำให้เส้นผมและขนตามที่ต่างๆของร่างกายงอกยาวขึ้น
แพทย์หลายท่านจึงนำมาใช้ในการรักษาภาวะผมร่วง ผมบาง จากกรรมพันธุ์
MINOXIDIL แบบกิน มักนิยมใช้กับผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เพราะยาทำให้มีขนขึ้นตามตัวและใบหน้า ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ชอบ
ถ้าว่ากันตามทฤษฎีแล้ว กลไกการออกฤทธิ์ของ MINOXIDIL คือเป็นยาขยายหลอดเลือด จึงช่วยเพิ่มเลือดและสารอาหารไปเลี้ยงที่เซลล์รากผมเลยทำให้ผมหยุดร่วง
แต่ความจริงอาจจะไม่ใช่กลไกที่ว่านี้ เพราะว่ายาขยายหลอดเลือดตัวอื่น กลับไม่ช่วยทำให้ผมหยุดร่วงหรืองอกยาวได้เช่น MINOXIDIL
ปัจจุบันจึงยังสรุปไม่ได้แน่ชัดว่า เพราะเหตุใด MINOXIDIL จึงทำให้เส้นผมหยุดร่วงและหนาขึ้นได้
หน้ามืด
ความดันต่ำ
เจ็บหน้าอก
บวมบริเวณเปลือกตา
ปวดศีรษะ
การเต้นของหัวใจผิดปกติ ฯลฯ
จึงควรใช้ยากิน MINOXIDIL ภายใต้การดูแลของแพทย์ ไม่ควรซื้อยามากินเอง
กินวันละ 1/2 - 1 เม็ด (5 mg.) ก่อนนอน
ไม่ควรใช้ยานี้กับคนไข้ที่เป็นโรคตับ โรคไต
ต้องกินยา MINOXIDIL ต่อเนื่อง อย่างน้อย 6-12 เดือน กว่าจะเห็นผลจากการรักษา
มีความเข้มข้น 2 แบบ ได้แก่
MINOXIDIL LOTION 2% ใช้กับผู้หญิง
MINOXIDIL LOTION 5% ใช้กับผู้ชาย
MINOXIDIL LOTION เป็นยาน้ำ ใช้ทาบริเวณที่มีผมบาง คือต้องมีเส้นผมเส้นเล็กๆหรือเส้นฝอยๆอยู่บ้าง ยาอาจช่วยทำให้เส้นผมอ้วนขึ้นได้
แต่ถ้าใช้ทาตรงบริเวณที่ไม่มีเส้นผมอยู่เลย ก็จะใช้ไม่ได้ผล
นอกจาก MINOXIDIL LOTION ปัจจุบันยังมี MINOXIDIL FOAM ให้เลือกใช้อีกด้วย
ไม่ทราบแน่ชัด
พบว่า MINOXIDIL ทำให้ระยะงอกของวงจรเส้นผมยาวนานขึ้น เส้นผมส่วนใหญ่จึงอยู่ในระยะงอกมากขึ้น เส้นผมจึงไม่ค่อยร่วง หรือร่วงน้อยลง
คันหนังศีรษะ
อาจมีขนขึ้นตามบริเวณใบหน้า
ไม่ใช้ยานี้กับผู้หญิงตั้งครรภ์ หรือขณะให้นมบุตร
ไม่ใช้ยานี้กับเด็ก หรือคนชรา
ใช้ทาที่หนังศีรษะบริเวณที่มีผมบาง ครั้งละ 1 ml. วันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน
หลังทายา ปล่อยให้ยาแห้งไปเอง โดยไม่ต้องล้างออก
ต้องทายา MINOXIDIL อย่างสม่ำเสมอ ประมาณ 6-12 เดือน กว่าจะเห็นผลการรักษา
อ่านเพิ่มเติม ยารักษาผมร่วงผู้หญิง
SAW PALMETTO เป็นอาหารเสริมที่สกัดจากจากต้นปาล์มแคระ ซึ่งพบมากทางตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปอเมริกา จึงได้มีการนำใช้รักษาโรคต่อมลูกหมากโต และโรคผมร่วงจากกรรมพันธุ์ผู้ชาย โดยเชื่อว่า SAW PALMETTO ช่วยลด DHT ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชายที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคทั้งสองดังกล่าว
ข้อสรุปจากรายงานการศึกษาวิจัยพบว่ามีทั้งที่ได้ผลและไม่ได้ผล ไม่ควรใช้ซอว์ปาลเมตโต้ในเด็กและสตรี
KETOCONAZOLE เป็นแชมพูฆ่าเชื้อราบนหนังศีรษะ แต่มีรายงานว่า KETOCONAZOLE สามารถหยุดผมร่วงและกระตุ้นให้เส้นผมขึ้นใหม่ได้
เชื่อว่า กลไกการออกฤทธิ์โดยการลดฮอร์โมน DHT บนหนังศีรษะ แต่ก็ไม่มีผลการพิสูจน์ทางการแพทย์ที่ยืนยัน
วิธีใช้ ใช้สระผม 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
เรื่องน่ารู้